วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พิเรนทร์เล่นยิมหน้าผาพลาดเกือบดับ













วันนี้ (21 ต.ค.) รายงานในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลี่ เมล์ ของอังกฤษ ระบุว่า เกิดเหตุการณ์หวาดเสียวเฉียดตาย ระหว่างการถ่ายทำรายการทีวีท้านรก “นอร์เมิล แมดเนส” ที่ประเทศนอร์เวย์ ทางเหนือของยุโรป ซึ่งเป็นตอนเล่นยิมนาสติกโหนบาร์เดี่ยวริมหน้าผาสูงชัน ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร โดยผู้เล่นโชว์คือ นายริชาร์ด เฮนริคเซ่น ชาวนอร์เวย์ พ่อของลูก 5 คน แต่ข่าวไม่ระบุอายุ สถานที่อยู่ เพียงแต่บอกอาชีพว่าเป็นศัลยแพทย์ ที่ชอบการโลกโผนผจญภัยเป็นงานอดิเรก
การถ่ายทำการโหนบาร์เดี่ยวของนายเฮนริคเซ่น ที่หน้าผาบนภูเขาแห่งหนึ่ง ทางภาคตะวันตกของประเทศ ดำเนินไปได้ไม่นานก็เกิดความผิดพลาด เมื่อเสาบาร์ข้างหนึ่งเกิดหัก และเฮนริคเซ่นเสียการทรงตัว ร่างกระเด็นลอยละลิ่วลงจากหน้าผาสู่ข้างล่าง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของทีมงานถ่ายทำ นำโดย นายอาร์เด เซนเด โอเซน ผู้กำกับและตากล้องรายการทีวีชื่อดัง แต่ปรากฏว่า นายเฮนริคเซ่นสามารถลงถึงพื้นเหวข้างล่าง โดยไม่เสียชีวิต ด้วยความช่วยเหลือของร่มชูชีพที่ติดตัวเผื่อไว้
รายการ “นอร์เมิล แมดเนส” เป็นรายการทีวีแนวเสี่ยงตายท้านรก ที่ได้รับความนิยมและมีเรตติ้งสูงมากในนอร์เวย์ นายเฮนริคเซ่นเผยว่า เขาชอบฝึกฝนการกระโดดจากที่สูง แต่การพลาดในครั้งนี้เกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังดีที่ประสบการณ์ทำให้เขาดีดตัวพ้นแนวหินระเกะระกะที่อยู่ตามหน้าผา และสามารถตั้งสติได้ กระตุกเชือกร่มชูชีพกางได้ทัน ก่อนลงถึงพื้นโดยปลอดภัย เขายังได้เปิดคลิปวิดีโอเหตุการณ์เฉียดตายนี้ดู พรอ้มกับลูกๆ ที่บ้านเป็นประจำด้วย.

ที่มา เดลินิวส์ 

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ฮือฮา คนงานรอดตายปาฎิหารย์ หลังร่างถูกฝังอยู่ใต้ดินถล่ม-โผล่แค่ศีรษะ(ชมภาพ)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ว่า เกิดเหตุเหลือเชื่อ เหล่าพนักงานก่อสร้างของจีน ในเมืองจ้าวหยางในมณฑลหูหนาน ทางตอนใต้ของจีน ได้รับความช่วยเหลืออย่างรอดตายปาฎิหารย์ ภายหลังถูกฝังอยู่ใต้ดินถล่มในพื้นที่ก่อสร้าง โดยรายหนึ่งอยู่ในสภาพถูกฝังร่างเกือบทั้งตัวโผล่แค่ศีรษะ ก่อนได้รับความช่วยเหลือจนรอดชีวิต



รายงานระบุว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่วันหลังจากเกิดเหตุชายรายหนึ่งถุกแท่งเหล็กเจาะศีรษะในพื้นที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซี โดยที่ผ่านมา จีนมีชื่อเสียงอื้อฉาวในเรื่องมาตรฐานหย่อนหยานในการก่อสร้าง และความเข้มงวดอย่างละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งกรณีโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนของไอโฟน ได้ติดลวดหนามเหล็กบนหน้าต่างโรงนอน หลังจากเกิดเหตุพนักงาน 14 รายก่อเหตุฆ่าตัวตาย ในโรงงานเมืองเซินเจิน ในปี 2010 และแม้ว่ารัฐบาลจีนจะอ้างว่า ทางการได้เพิ่มมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการเสียชีวิตของพนักงานโรงงานแล้ว แต่เมื่อปีที่แล้ว พบว่ามีพนักงานจีนกว่า 750,000 คน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างปฎิบัติงาน

   

ที่มา มติชน

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาวผู้ดีป่วยประหลาด ถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ 500 ครั้ง/วัน


 


สาวผู้ดีป่วยประหลาด ถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ 500 ครั้ง/วัน โอดไม่ใช่เรื่องน่าหลงใหล แต่ส่งผลกระทบทุกด้านต่อชีวิต...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 15 ต.ค. ถึงอาการประหลาดของซารา ริชาร์ดสัน สาววัย 30 ปี จากเมืองบาซิงสโตค ประเทศอังกฤษ ซึ่งบอกไม่ถูกว่าควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีหรือยินร้าย เพราะเธอสามารถสยิวกิ้วและถึงจุดสุดยอดได้มากถึง 500 ครั้ง/วัน เลยทีเดียว โดยอาการดังกล่าวเรียกว่า "โรคถึงสุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ" Persistent Sexual Arousal Syndrome (PSAS) ถูกบรรจุในเอกสารทางการแพทย์ ครั้งแรกเมื่อปี 2001 

เธอเปิดใจว่า "คนทั่วไปอาจคิดว่าฉันได้เคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์ดังกล่าวทุกวัน แต่เปล่าเลยมันกลับทำให้ชีวิตฉันพังเสียมากกว่า ฉันไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับร่างกายฉันได้ และมันก็ส่งผลกระทบทุกด้านต่อชีวิตของฉัน อาการนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาฉันเดินขึ้นบันได เดินผ่านประตูเหล็กกั้นทางเข้า เดินเข็นรถเข็นช็อปปิ้ง ขับรถด้วยความเร็ว โทรศัพท์มือถือสั่นในกระเป๋ากางเกง หรือแม้กระทั่งมีคนมานั่งข้างๆ บนโซฟาก็ตาม ฉันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน ยิ่งนั่งรถไฟยิ่งเป็นฝันร้าย เพราะแรงสะเทือนของมันทำให้ฉันแทบคลั่ง แต่เมื่อฉันมีเซ็กซ์กับแฟน ฉันกลับไม่รู้สึกถึงจุดสุดยอดเลย ฉันเคยพยายามหยุดความรู้สึกแบบนั้น ด้วยการหันไปออกกำลังกาย นอนแช่น้ำอุ่นๆ ดูภาพยนตร์คลายเครียด แต่อาการเหล่านั้นก็ยังไม่เคยหายไปไหน"

ทั้งนี้ ริชาร์ดสัน เริ่มมีอาการเสียวซ่านเหนือการควบคุมตั้งแต่ปี 2010 หรือราว 2 ปีแล้ว กระทั่งทนรับสภาพต่อไปไม่ไหว จึงทำการสืบค้นในอินเทอร์เน็ต และเหมือนกับได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อพบว่ามีโรคดังกล่าวอยู่จริง และทราบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้รู้สึกถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อเช่นนี้เพียงคนเดียวในโลก เธอจึงเข้ารับการรักษากับทีมแพทย์ และตั้งปณิธานว่าจะศึกษาต่อและถ่ายทอดเรื่องราวให้สังคมหรือผู้ป่วยด้วยอาการเดียวกันเข้าใจต่อไป.

Photo : thesun.co.uk / DARREN FLETCHER

Photo : thesun.co.uk / DARREN FLETCHER

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วะวะว้าวว !!!! ประกวดจู๋เล็ก อึ้งมะ!!!

 ต่อไปนี้ท่านชายคนใดที่มีเจ้าโลกเล็ก ก็ไม่ต้องรู้สึกเขินอายอีกต่อไปแล้ว (หรือเปล่า) และท่านก็น่าจะแสดงตัวออกมาอย่างสง่าผ่าเผยได้อีกด้วย เมื่อล่าสุด มีเว็บไซต์เรื่องเกี่ยวกับทางเพศในเดนมาร์กทำการประกวดหาชายที่มีเจ้าโลกขนาดจิ๋วที่สุดในโลก ซึ่งผู้ชนะจะได้โทรศัพท์ไอโฟนไปครองเลยทีเดียว!


สำหรับผู้ที่จัดการประกวดสุดแหวกแนวในครั้งนี้ ได้แก่ มอร์เต่น ฟาบริซิอุส เจ้าของเว็บไซต์ "ซิงเกิ้ลเซ็กซ์ดอตดีเค" (Singlesex.dk) โดยกฎกติกานั้นก็ง่ายแสนง่าย ขอแค่คุณถ่ายภาพอวัยวะเพศของคุณในสภาพที่กำลังตั้งตรงดิ่งเต็มที่ พร้อมกับมีเทปวัดความยาวอยู่ข้างๆ แล้วส่งมาที่เว็บไซต์ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
 
สำหรับคนที่มีเจ้าโลกเล็กที่สุดก็จะได้ไอโฟนไปนอนกอดสมใจอยาก ส่วนอันดับ 2 กับ 3 จะได้ไอแพดไปครอบครอง ซึ่งหากท่านชายคนไหนอยากลงแข่งด้วยล่ะก็ ท่านก็ควรจะรีบๆ หน่อย เพราะคุณสามารถส่งรูปร่วมชิงชัยความเล็กได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม ปีหน้าเท่านั้น

 
ทั้งนี้ ฟาบริซิอุส บอกว่า ตนหวังว่ามุมมองสุดฮาและแปลกประหลาดของการแข่งนี้ จะช่วยให้ผู้คนได้เค้นอารมร์ขันออกมากันสักหน่อย รวมถึงทำให้พวกเขามีความกล้าที่จะโพสต์สิ่งที่เป็นของตัวเองด้วย "มีถึงหลายคนที่ไม่มีความสุขกับความเป็นชายของเขา เพราะเขาคิดว่าผู้ชายต้องมีเจ้าโลกที่ใหญ่ แต่การมีขนาดอย่างนั้นมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอก" 

เศร้า! สาวถูกกดดัน ระบายความในใจผ่านคลิป ก่อนปลิดชีพตัวเอง





 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ nationalpost.com รายงานข่าว ตำรวจแคนาดาเร่งสอบสวนคดีที่เด็กสาววัย 15 ปี ฆ่าตัวตาย หลังจากถูกขู่แบล็กเมลจากคนร้ายที่ตามราวีเธอไม่หยุด แต่ก่อนตาย เธอได้ทำคลิปวิดีโอระบายความอัดอั้นตันใจและโพสต์ลงในยูทูบจนเป็นข่าวฮือฮาในโลกไซเบอร์ในขณะนี้
 
            โดยเด็กสาวคนดังกล่าวชื่อ อแมนด้า ทอดด์ อายุ 15 ปี อาศัยอยู่ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ตำรวจพบศพเธอในบ้าน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างการสอบสวนขั้นแรกที่พุ่งเป้าไปยังครอบครัวของผู้ตายซึ่งไม่ทราบเลยว่า อแมนด้ากำลังมีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งตำรวจก็จะสืบสวนหาข้อมูลว่า เธอมีอาการผิดปกติทางจิต หรือมีปัญหาทางจิตใจใด ๆ หรือไม่ ก่อนจะหาผู้ที่ขู่จะแบล็กเมลเธอมาลงโทษต่อไป
 
            สำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นคลิปที่เธอทำขึ้นเอง เพื่อระบายความในใจทั้งหมดและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดชึ้น เป็นภาพขาว-ดำ โดยอแมนด้ายืนอยู่หน้ากล้องที่ไม่ให้เห็นหน้าชัด พร้อมกระดาษหลายแผ่นที่เธอค่อย ๆ โชว์มันแผ่นแล้วแผ่นเล่า ซึ่งแต่ละแผ่นมีข้อความที่นำมาปะติดปะต่อกัน โดยจับใจความได้ดังนี้
 
            "ฉันตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวจุดจบของชีวิตฉัน ฉันเล่นเว็บแคม และมักจะมีคนมาบอกฉันว่า ฉันสวย น่ารัก เพอร์เฟคท์ทุกอย่าง และต้องการให้ฉันเปลือยอก ซึ่งฉันก็ทำ... ต่อมา ฉันได้รับข้อความจากผู้ชายในเฟซบุ๊กคนหนึ่งซึ่งฉันเองไม่รู้จักเขาเลย เขาบอกให้ฉันโชว์ทางเว็บแคม ถ้าไม่ทำ เขาจะส่งภาพเปลือยอกของฉันไปทั่วโรงเรียน เขารู้ข้อมูลของฉันทุกอย่าง จนวันหนึ่ง ตำรวจมาที่บ้านบอกฉันพร้อมภาพฉาวที่เขาปล่อยออกมา วินาทีนั้นฉันอึ้งและทำอะไรไม่ถูก ฉันรู้สึกกังวล หวาดกลัวและซึมเศร้า ฉันเริ่มหันไปพึ่งเหล้า ยา ซึ่งมันทำให้ชีวิตฉันแย่ลง .."
 
            "... แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่หยุด เขาสร้างเพจเฟซบุ๊คประจาน ฉันรู้สึกอับอายมาก นอนร้องไห้ทุกคืน เพื่อน ๆ ไม่คบฉัน ทุกคนเกลียดฉัน ฉันถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ฉันทำอะไรที่สิ้นคิด ฉันกรีดตัวเอง ฉันทนไม่ไหวจนต้องย้ายโรงเรียน ฉันรู้สึกดีขึ้นถึงแม้เวลาพักเที่ยงต้องนั่งคนเดียวในห้องสมุดก็ตาม 1 เดือนผ่านไป ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนชายคนหนึ่ง เราคุยกันมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง เขาบอกว่าชอบฉัน แต่เขามีแฟนแล้ว แต่สุดท้ายเราก็มีอะไรกัน ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ แฟนของเขา รวมทั้งตัวเขา และเพื่อนอีก 15 คนก็มาตบ ด่าประจานฉันต่อหน้าเพื่อนใหม่ในโรงเรียนใหม่ แต่ฉันก็ยังรักเขา พยายามปกป้องเขา เพราะคิดว่าเขารักฉัน แต่ความจริงแล้วเขาต้องการแค่อยากมีเซ็กส์กับฉัน..."
 
            "...ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันอยากตาย ฉันจึงกินยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย มันร้อนข้างในไปหมด ฉันคิดว่าคงได้ตายสมใจ แต่ฉันก็ถูกพาส่งโรงพยาบาลได้ทัน จึงรอดมาได้ แต่กลับมาก็เหมือนตายทั้งเป็น  เรื่องฆ่าตัวตายดันกลายเป็นประเด็นให้คนอื่นด่าอีก ประมาณว่า "สมควรตายแล้ว, ตายซะดีกว่าอยู่, ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ" ฉันมานั่งคิดทุกวันว่า ทำไมฉันต้องมีชีวิตอยู่ในเมื่อชีวิตมันเลวร้ายขนาดนี้ สุดท้ายแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะจากไป เพราะฉันไม่เหลือใคร ถึงแม้ฉันจะต้องการใครซักคนก็ตาม.."


ที่มา กระปุกดอทคอม 

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

น่ายกย่อง! แท็กซี่ เสี่ยงตายช่วย นศ.หมดสติคารถยนต์ที่ไฟไหม้



น่ายกย่อง! แท็กซี่พลเมืองดี โดดเสี่ยงตายช่วย นักศึกษาสาวขับรถประสบอุบัติเหตุ จนหมดสติ ขณะที่ไฟไหม้รถลุกท่วมทั้งคัน

            วานนี้ (12 ตุลาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวัฒน์ พึ่งสังวาลย์ อายุ 46 ปี ชาวสมุทรปราการ โชเฟอร์แท็กซี่ ทะเบียน ทพ 7167 กทม. เดินทางไปรับรางวัลพลเมืองดีเด่น ที่สถานีภูธรพระประแดง ซึ่งได้จัดขึ้นในงานวันตำรวจ จ.สมุทรปราการ

            ทั้งนี้ โชเฟอร์แท็กซี่คนดังกล่าว ได้เข้าช่วยเหลือ นางสาวไอศวรรย์ เจนจงประเสริฐ อายุ 21 ปี ที่เกิดอุบัติเหตุรถชนบนสะพานภูมิพล 1 เมื่อกลางดึกของวันที่ 9 ตุลาคม ที่่ผ่านมา แล้วไฟลุกท่วมรถยนต์ทั้ง 2 คัน จนคนขับรถโตโยต้าอีกคันนึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต ส่วนนางสาวไอศวรรย์ที่ขับรถเบนซ์นั้น อยู่ในอาการหมดสติขณะที่รถกำลังถูกไฟไหม้ แต่โชคดีที่นายณัฐวัฒน์ขับรถผ่านมา และวิ่งเข้าไปช่วยเหลือจนนางสาวไอศวรรย์รอดตายอย่างหวุดหวิด ทั้งนี้ นายณัฐวัฒน์ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า นาทีนั้นตนคิดแค่เพียงว่าจะต้องช่วยคนให้รอดชีวิตให้ได้

             ขณะที่ นางสาวไอศวรรย์ ตอนนี้ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ โดยแขนและขาทั้ง 2 ข้างหัก ใบหน้ากระดูกคิ้วข้างซ้ายแตก เปลือกตาไม่สามารถหลับลงได้ อีกทั้งบริเวณลำตัวด้านซ้ายยังถูกไฟคลอก แต่ถึงเธอจะเจ็บหนักสาหัส และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกหลายเดือน เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจที่เจ็บขนาดนี้ เพราะเธอยังรอดจากความตาย ด้วยการช่วยเหลือจากโชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดีคนนั้น อย่างไรก็ตาม เธอต้องขอขอบคุณนายณัฐวัฒน์เป็นอย่างมาก ที่ช่วยเหลือเธอออกมา

            ทั้งนี้ นอกจากกรณีของนายณัฐวัฒน์แล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะมีการมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับแท็กซี่หญิงนางสาวนลินี ท้าวเทพ ด้วยเช่นกัน หลังจากเธอช่วยเหลือนักเรียนชั้น ป.4 ให้รอดพ้นจากคนร้ายที่จะฉุดไปทำร้าย เมื่อเดือนมิถุนายนที่่ผ่านมา

ที่มา กระปุกดอทคอม 

หลอกหมูให้เล่นสนุกเหมือนกับเด็ก เอาไปทำแฮมกับเบคอนกินได้อร่อย



หมูเกือบทั่วอังกฤษทุกตัวกำลังได้รับการเอาอกเอาใจ หาของเล่นให้พวกมัน เล่นสนุกกันเหมือนกับเด็กๆ เพราะนักวิทยาศาสตร์พบว่า หมูที่มีความสุขจะมีรสชาติอร่อยกว่า หมูที่เลี้ยงเฉยๆ

พวกมันต่างพากันสนุกกับของเล่นหลายสิ่งหลายอย่างให้กัดเคี้ยวเล่นกัน มีตั้งแต่ลูกฟุตบอล ชิงช้า เป็นต้น เครื่องเล่นเหล่านี้ได้รับการอุดหนุนจากสำนักงานบริหารการเลี้ยงหมูแห่งอังกฤษ

เจ้าหน้าที่สำนักงานอธิบายว่า หมูที่เลี้ยงไม่ดี จะมีฮอร์โมนคอร์ติโซล อันเป็นฮอร์โมนของความ เครียด เป็นเหตุให้เนื้อและกล้ามของมันเสียหายไปด้วย เนื้อจะยุ่ยและขาวซีด เขาบรรยายว่า หนูที่เครียดจะเริ่มกัดหางและบางทีก็กัดหูตัวอื่น และสาเหตุใหญ่อันหนึ่ง ก็เพราะไม่มีอะไรกัดเล่น

เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูรายหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าไม่ปล่อยให้มันเครียด เราก็จะได้หมูแฮม เบคอนที่มีรสชาติดี”.

ที่มา ไทยรัฐ

อึ้ง !!!! เรียกเก็บค่าโทร. 465,745 ล้านล้านบาท



สตรีชาวฝรั่งเศสถึงกับเงิบ หลังบิลล์เรียกเก็บค่าบริการโทรศัพท์ แจ้งยอดชำระ 465,745 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพีในประเทศ ถึง 5,872 เท่า ตรวจสอบพบเครื่องพิมพ์ใส่เลขศูนย์เกินมา 12 หลัก...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 12 ต.ค. ว่า สตรีชาวฝรั่งเศส จากเมืองเปสซาค ใกล้กับเมืองบอร์กโดซ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ถึงกับช็อกหลังใบแจ้งชำระค่าบริการโทรศัพท์มาส่งถึงบ้าน เนื่องจากตัวเลขมากจนอาจทำให้ตาลายมองดูคล้ายกับเลขบาร์โค้ดเสียมากกว่า

สำหรับค่าโทรศัพท์ที่แจ้งมานั้น รวมกับค่าธรรมเนียมที่เธอเลิกใช้บริการกับค่ายโทรศัพท์ ก่อนถึงระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามสัญญา แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า จะเป็นเงินสูงถึง 11,721,000,000,000,000 ยูโร (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยยี่สิบเอ็ดล้านล้านยูโร) หรือราว 465,745,000,000,000,000 บาท (สี่แสนหกหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้าล้านล้านบาท) ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่ามากกว่าตัวเลขจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศฝรั่งเศสมากถึง 5,872 เท่า หรือหมายถึงเม็ดเงินไหลเวียนของระบบเศรษฐกิจในยุโรปเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ดี เธอร้องเรียนไปยังบริษัทต้นสังกัด เตเลกอมบุยเกส ถึงค่าบริการที่มากมายเกินกว่าจะรับมือชำระด้วยตนเองไหว โดยชี้ว่าโดยปกติแล้วค่าเฉลี่ยการใช้งานโทรศัพท์ของเธอ จะอยู่ราวๆ 12.50 ยูโร (ราว 500 บาท) เพียงเท่านั้น เมื่อทำการตรวจสอบแล้วจึงพบว่าเป็นความผิดผลาดเกี่ยวกับการพิมพ์ใบเสร็จ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วจำนวนเงินที่ต้องชำระคือ 11.721 ยูโร (ราว 465 บาท) แต่กลับเติมเลขศูนย์มาให้เพิ่มมากถึง 12 หลักนั่นเอง.
ที่มา ไทยรัฐ 

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สั่งจับแล้วไม่ติดป้ายทะเบียน - ป้ายปลอม



เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร ได้ลงนามบันทึกข้อความแจ้งไปยัง ผบก.น.1-9 และ จร. ถึงแนวทางการปฏิบัติในการกวดขันวินัยจราจร โดยให้แต่ละหน่วยกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรให้กวดขันจับกุมความผิดเกี่ยวกับแผ่นป้ายทะเบียน โดยเฉพาะข้อหาไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา 7 ประกอบมาตรา 152 พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 11 ประกอบมาตรา 60 และข้อหาเปลี่ยนแปลงโดยวิธีใด ๆ หรือปิดบังทั้งหมด หรือแต่บางส่วนซึ่งเครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้ประจำรถ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 67(4) เนื่องจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แจ้งว่า สามารถผลิตและจัดหาป้ายทะเบียนรถให้ประชาชนได้ตามปกติแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้สามารถป้องปรามการก่ออาชญากรรม ทั้งกรณีใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม เหตุชนแล้วหนี ให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษได้อย่างถูกต้อง.

ที่มา เดลินิวส์ 

'เจ้าชาย'โว'เงินสั่งได้สไตล์อาหรับ'




'เจ้าชาย'โว'เงินสั่งได้สไตล์อาหรับ'

"เจ้าชาย UAE" โพสต์เฟซบุ๊ก หยาม! "สก็อตแลนด์ยาร์ด" รีบเอารถเฟอร์รารี่ที่ยึดไปมาคืน เพราะเงินสั่งได้สไตล์อาหรับ

          11 ต.ค. 55  รถหรูระดับซูเปอร์คาร์ ถูกนำไปจอดด้านนอกอาคารสนง.อุตุฯของอังกฤษ เพื่อประจาน ให้นักขับที่ชอบละเมิดกม.ได้รู้ว่า รถยนต์ของพวกเขามีสิทธิ์ถูกยึดได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่ารถยนต์ของพวกเขาจะยี่ห้ออะไรก็ตาม

 รถยนต์ เฟอร์รารี่ เอฟเอฟ ของชี้ค ราชิด บิน ฮูมาอิด อัล นูไอมี่ โอรสของอีมีร์แห่งอัจมาน ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้ฉายาว่า " ลิตเติล ดูไบ " และชี้ค ราชิด ได้โพสต์ข้อความโอ้อวดในเฟซบุ๊ก ว่าสก็อตแลนด์ยาร์ด รีบคืนกุญแจรถทันที หลังทราบว่า เจ้าของรถเป็นใคร และทรงใช้คำว่า " Arab money talks - อาหรับ มันนี่ ทอล์คส์ " หรือ เงินสั่งได้สไตล์อาหรับ 
          แต่ตำรวจ ระบุว่า ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของรถ ก็ต้องจ่ายค่าปรับและแสดงเอกสารที่ถูกต้องให้เรียบร้อยก่อนจะรับรถคืนไป และย้ำด้วยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของรถ เจ้าของจะต้องจ่ายค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าเก็บรักษา รวมถึงต้องมีเอกสารที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า รถมีประกันและมีใบอนุญาตครอบครองโดยถูกกฎหมาย 
          ชี้ค ราชิด ซึ่งมีชื่อเล่นว่า อาร์อาร์อาร์ ซึ่งย่อมาจากคำว่า ริช อิน เรียล เอสเตท รีซอร์สเซส หรือ ร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้โพสต์รูปรถเฟอร์รารี่ ลงในเฟซบุ๊ก และบรรยายประกอบด้วยว่า รถเฟอร์รารี่ถูกยึดที่ย่านเซาท์ เคนซิงตัน ในกรุงลอนดอน ก่อนที่จะถูกพบว่าเป็นของใคร และรีบคืนให้ทันที
          ชี้ค ราชิด ยังอ้างว่า นำรถคันนี้ไปลอนดอน และไม่ได้จ่ายค่าประกัน ตำรวจอังกฤษเลยมายึดไป จนกระทั่งต้องแจ้งให้ทราบว่า เขาเป็นใคร และโพสต์ภาพตัวเองพร้อมรอยยิ้มหยันประกอบคำว่า "อาหรับ มันนี่ ทอล์คส์"
          รถเฟอร์รารี่ สามารถเร่งความเร็วจาก 60 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็น 208 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที การยึดรถของสก็อตแลนด์ยาร์ด ได้เน้นให้เห็นถึงการรณรงค์ต่อต้านการไม่ทำประกันรถยนต์ให้ถูกต้อง และยืนยันว่า รถยนต์อาจถูกนำไปประมูลหรือบดทิ้ง ถ้าเจ้าของไม่แสดงเอกสารอย่างชัดเจน 
          ชี้ค ราชิด ได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีรถยนต์ ซูเปอร์คาร์ ไว้ในครอบครองจำนวนมาก และมักจะนำไปขับด้วยเวลาไปต่างประเทศ เขาได้โอ้อวดในเฟซบุ๊กว่า มีตำแหน่งใหญ่โตที่บ้านเกิด และเป็นโอรสองค์เล็กของเจ้าผู้ครองนครอัจมาน ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่ามหาศาล ตั้งแต่ จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง , โรงแรมและศูนย์การค้า , ร้านค้าปลีกและโรงพยาบาล ไปจนถึงเครื่องบินพาณิชย์

ที่มา คมชัดลึก 

จำคุกตลอดชีวิตหนุ่มเกาหลีฆ่าแฟนด้วย “ปลาหมึก”



ศาลเกาหลีใต้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตหนุ่มวัย 31 ปี ฐานฆาตกรรมแฟนสาวด้วยการให้เธอกินปลาหมึก เพื่อหวังเงินประกัน


วันนี้ ( 11 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า ศาลเกาหลีใต้มีคำตัดสินในวันนี้ ให้จำคุกตลอดชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่ง ในข้อหาเจตนาฆาตกรรมผู้อื่นเพื่อหวังเงินประกัน ด้วยการบังคับให้แฟนสาวรับประทานปลาหมึกเป็น ที่ทำให้เธอขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต เมื่อ 2 ปีก่อน
คำพิพากษาของศาลแขวงเมืองอินชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล ระบุให้จำคุกตลอดชีวิตผู้ต้องหา ซึ่งรับการเปิดเผยเพียงชื่อว่า นายคิม วัย 31 ปี ฐานก่อเหตุฆาตกกรมผู้อื่นด้วยความ “โหดเหี้ยม”
คดีดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน และประชาชนทั่วทั้งเกาหลีใต้อย่างมาก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อนายคิมพานางสาวยูน แฟนสาววัย 24 ปี เข้าพักที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองอินชอน เมื่อเดือนเม.ย. 2553 หลังจากนั้นได้ซื้อปลาหมึกยักษ์เป็น 2 ตัวเพื่อมารับประทานร่วมกัน แต่หญิงสาวกลับหมดสติ หลังรับประทานปลาหมึกเข้าไปแล้วตัวหนึ่ง ก่อนจะเสียชีวิตในอีก 16 วันถัดมา ด้วยภาวะสมองตาย
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้า รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตปักใจเชื่อคำให้การของนายคิม ที่อ้างว่า น.ส.ยูนรับประทานปลาหมึกจนติดคอเอง บวกกับผลการชันสูตรศพที่พบหนวดปลาหมึกเส้นหนึ่งติดอยู่ในลำคอของเธอ ทว่าอัยการ และตำรวจต้องรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้งตามกระแสเรียกร้องของสังคม หลังสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเผยแพร่เทปการสัมภาษณ์บิดาของน.ส.ยูน ที่ไม่ปักใจเชื่อว่าบุตรสาวเสียชีวิตเพราะปลาหมึก หลังค้นพบกรมธรรม์ชีวิตของบุตรสาว ที่มีวงเงินสูงถึง 200 ล้านวอน ( ราว 5.8 ล้านบาท )  ระบุชื่อนายคิมเป็นผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
ด้านอัยการแถลงเพิ่มเติมว่า แม้ศพของน.ส.ยูน จะถูกฝังตามประเพณีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า นายคิมเจตนาสังหาร น.ส.ยูนด้วยการทำให้ขาดอากาศหายใจ โดยอาจใช้หมอนกด หรือใช้ผ้ารัดคอขณะที่เธอกำลังรับประทานปลาหมึก นอกจากนี้ยังแทบไม่น่าเป็นไปได้ ที่เธอจะรับประทานปลาหมึกเข้าไปทั้งตัวโดยที่ไม่หั่นก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานระบุเพิ่มเติมว่า นายคิมจะยื่นอุทธรณ์ หรือยอมรับคำตัดสินแต่โดยดี
ที่มา เดลินิวสื 

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หนุ่มอินเดียป่วยแปลก เนื้องอกปิดเต็มใบหน้า



 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดอะซันของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อหนุ่มอินเดียรายหนึ่งได้เกิดมาพร้อมกับภาวะสุดแปลก มีเนื้องอกปิดเต็มทั้งใบหน้า กลายเป็นที่รังเกียจของคนที่พบเห็น เจ้าตัวหวั่นภาวะแปลกนี้จะถ่ายทอดสู่ลูกที่กำลังจะเกิดในเร็ว ๆ นี้

          หนุ่มรายนี้ มีชื่อว่า นายโมฮัมหมัด ลาทิฟ คาตานา วัย 32 ปี จากแคว้นแคชเมียร์ของอินเดียเขาเกิดมาพร้อมกับภาวะแปลก มีเนื้องอกงอกออกมาทั่วไปหน้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิด จนกระทั่งเขาอายุได้ 8 ขวบ เนื้องอกก็เติบโตจนปิดใบหน้าเขาทั้งหมด และมันก็ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ขณะที่แม่ของเขาก็ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเขา เพราะสงสารลูก และเขาเป็นลูกเพียงคนเดียวมีอาการผิดปกตินี้

          ลาทิฟ เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่มีเพื่อนฝูง เพราะต่างก็พากันหวาดกลัวและรังเกียจเขา ไม่มีใครอยากเล่นหรือคบหาสมาคมกับเขาเลย กลับกัน เพื่อนในหมู่บ้านวัยเดียวกันยังแกล้งและล้อเลียนเขาเรื่อยมา และแน่นอนว่า เมื่อเขาเติบโตขึ้นในวัยทำงาน ก็ไม่มีใครรับเขาเข้าทำงานด้วย แม้ว่าเขายังคงมีร่างกายครบ 32 สามารถทำงานได้เฉกเช่นคนปกติก็ตามที เขาจึงต้องกลายเป็นขอทาน เพื่อหารายได้มาเลี้ยงตัวเองได้เฉกเช่นพี่น้องของเขา

          ตลอดชีวิตการเป็นขอทานของเขา เขาเจอผู้คนมาหมดทุกรูปแบบ ทั้งคนที่สงสารเห็นใจ และคนที่แสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์ ถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วเดินจากไปก็มี ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและเจ็บปวดอยู่หลายครั้ง



ส่วนทางด้านครอบครัวของเขานั้น ถึงแม้ว่าเขาจะมีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างไร ครอบครัวของเขาก็พยายามหาภรรยาให้เขา เพื่ออยู่ดูแลเป็นคู่ชีวิต ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่โชคชะตาก็ยังคงเข้าข้างเขาอยู่บ้าง ทำให้เขาได้เจอกับหญิงสาวพิการเท้าที่ชื่อว่า ซาลิมา ผู้ซึ่งกำลังมองหาผู้ชายจริงใจมาเป็นคู่ชีวิตเช่นกัน และหลังจากที่เขาได้รู้จักเธอ ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 4 ปีแล้ว

          หลังจากชีวิตคู่ของลาทิฟ และซาลิมา ได้เริ่มต้นขึ้น ลาทิฟก็ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเป็นครั้งแรก เพราะซาลิมาเห็นคุณค่าของเขา และรักเขาโดยมองข้ามภาวะแปลกที่เขามีไปได้ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ก็ไม่ได้สุขไปซะทั้งหมด เช่นตอนนี้ ที่ซาลิมากำลังท้องได้ 7 เดือนแล้ว ลาทิฟก็เป็นกังวลอย่างมากว่า ภาวะแปลกที่เขาเผชิญนี้อาจจะถ่ายทอดไปยังลูกของเขาได้ และลูกอาจจะต้องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางคำล้อเลียนและสายตารังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่เขาเผชิญ เขาจึงได้แต่อธิษฐานและภาวนาขออย่าให้ลูกต้องเกิดมาในสภาพเดียวกับเขาเลย

          ทั้งนี้ สำหรับภาวะเนื้องอกทั่วใบหน้าของลาทิฟนี้ แพทย์บอกเขาว่าไม่อาจจะรักษาได้ด้วยวิธีการใด ๆ เนื่องจากเนื้องอกที่งอกออกมาทับกันบนใบหน้าเหล่านี้ มีเส้นเลือดอยู่มากมาย ซึ่งถ้าหากผ่าตัดออกไป เขาอาจเสียชีวิตได้ เขาจึงต้องอยู่กับใบหน้าที่เต็มใบด้วยเนื้องอกเช่นนี้ไปตลอดชีวิตนั่นเอง

ที่มา กระปุกดอทคอม 

สยอง! หนุ่มใหญ่จีนทะเลาะกัน กัดหูจนเลือดสาดคล้ายซอมบี้

หนุ่มใหญ่จีนทะเลาะกัน กัดหูจนเลือดสาดคล้ายซอมบี้

หนุ่มใหญ่จีนทะเลาะกัน กัดหูจนเลือดสาดคล้ายซอมบี้

วันนี้ (9 ตุลาคม) เว็บไซต์ไชน่าสแม็คของจีน รายงานว่า เกิดเหตุชายจีน 2 ราย ทะเลาะวิวาทต่อสู้กันบนรถไฟใต้ดิน แต่แล้วชายสูงวัยได้กัดเข้าที่ใบหน้าและหูของชายอีกคนหนึ่งจนเลือดอาบหน้า เป็นภาพที่สยดสยองอย่างยิ่ง สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อย
            รายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เมื่อเวลาประมาณ 08.38 น. ที่สถานีรถไฟใต้ดินสาย 4 ของมณฑลกวางโจวของจีน ชายอายุราว 60 ปี และชายซึ่งทราบภายหลังว่ามีอาชีพเป็นครูวัย 28 ปี ก่อเหตุทำร้ายร่างกายต่อสู้กันบนที่นั่งภายในรถไฟใต้ดิน โดยชายหนุ่มวัย 28 ปี มีเลือดอาบที่บริเวณหน้าและแขน กำลังถูกชายสูงวัยดึงทึ้งหัวพร้อมกับกัดเข้าที่ใบหูจนเลือดอาบคล้ายกับซอมบี้ ขณะเดียวกันชายสูงวัยก็มีเลือดอาบที่ใบหน้าเนื่องจากการถูกต่อย ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนรถไฟใต้ดินพากันตื่นกลัวไม่น้อยทีเดียว

            อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุความวุ่นวาย พร้อมกับควบคุมตัวชายทั้ง 2 คนมาไกล่เกลี่ย ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับบ้าน ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เปิดศึกทะเลาะกันแต่อย่างใด
ที่มา กระปุกดอทคอม 

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สุดสยอง!!หนุ่มมะกันแข่งสวาปามแมลงสาบเป็นๆดับอนาถ



หนุ่มมะกันวัย 32 ปี เสียชีวิตหลังเป็นผู้ชนะแข่งกิน "แมลงสาบและหนอนเป็นๆ" เผยซัดแมลงสาบร่วม 30 ตัว ตามด้วยหนอนและกิ้งกืออีกอย่างละ 100 ตัว ด้านนักวิชาการชี้ แมลงสาบมีแต่เชื้อโรคและพญาธิ ไม่ควรเอาไปกิน มึนผู้ร่วมแข่งขันอื่นๆไม่มีใครเจ็บ-ตาย


วันนี้ ( 9 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองไมแอมี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ชายผู้คว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันรับประทานแมลงสาบและหนอนเป็นๆ ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐฟลอริดา เสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน โดยเขารับประทานแมลงสาบเป็น 30 ตัว หนอนและกิ้งกืออีกอย่างละ 100 ตัว

แถลงการณ์ของสำนักงานนายอำเภอเมืองโบรวาร์ดเมื่อวันจันทร์ ระบุว่า นายเอ็ดเวิร์ด อาร์ชโบลด์ วัย 32 ปี เป็นลมหมดสติหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง หลังคว้าตำแหน่งผู้ชนะในการแข่งขันดังกล่าว ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประลองฝีมือถึง 30 คน จัดขึ้นที่ร้านจำหน่ายสัตว์เลื้อยคลานเบน ซีเกล บริเวณหาดเดียร์ฟีลด์ ห่างจากเมืองไมแอมีไปทางตอนเหนือราว 64 กิโลเมตร
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่  5 ต.ค. ที่ผ่านมาเขาได้รับรางวัลเป็นงูเหลือมยักษ์ 1 ตัว แม้ประชาชนในบริเวณนั้นจะช่วยกันนำตัวนายอาชโบลด์ส่งโรงพยาบาล แต่คณะแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตของเขาไว้ได้ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังรอผลการชันสูตรศพเพื่อระบุสาเหตุที่แน่ชัดของการเสียชีวิตต่อไป
 
ด้านศ.ไมเคิล อดัมส์ จากภาควิชากีฏวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์ กล่าวว่า แมลงสาบประกอบด้วยเชื้อแบคทีเรียและพยาธิจำนวนมาก ไม่สมควรนำมารับประทานอย่างยิ่ง เนื่องจากแม้เพียงสัมผัสก็อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ อย่างไรก็ตาม นายอดัมส์ยืนยันว่า เชื้อดังกล่าวไม่ใช่สารพิษ และเขายังไม่เคยได้ยินใครเสียชีวิตจากการรับประทานแมลงสาบมาก่อน บวกกับการที่ผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆยังคงมีสุขภาพดีอยู่ทุกคน
 
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนร้านเบน ซีเกล กล่าวว่า ผู้เข้าแข่งขันลงนามในสัญญาก่อนเริ่มแข่งแล้วว่า จะยอมรับทุกผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการเข้าร่วมด้วยสมัครใจ พร้อมกับย้ำว่า แมลงสาบ และหนอนที่นำมาให้รับประทานนั้น มาจากการเพาะเลี้ยงพิเศษในสภาพแวดล้อมที่สะอาด.
ที่มา เดลินิวส์ 

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อิรักแขวนคอประหารชีวิตอีก 11 รายรวด



ทางการอิรักประหารชีวิตนักโทษ ด้วยการแขวนคออีก 11 รายในวันนี้ โดยเป็นชาวอิรัก 10 ราย และแอลจีเรียอีก 1 ราย จากความผิดฐานก่อการร้าย
วันนี้ (7 ต.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ว่า ทางการอิรักประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 11 คน ในช่วงเช้าวันนี้ โดย 10 คนในจำนวนนี้เป็นชาวอิรัก ส่วนอีกคนเป็นชาวแอลจีเรีย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติ ให้รัฐบาลยกเลิกโทษประหารชีวิต และการประหารชุดล่าสุด ทำให้จำนวนนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในอิรัก เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 113 รายแล้วในปีนี้ มากกว่าปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งถูกประหารทั้งสิ้น 68 ราย และการประหารฯ ในวันนี้ เป็นรองแค่วันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนักโทษในอิรักถูกแขวนคอในวันเดียวถึง 21 ราย

นานาชาติ รวมถึง สหภาพยุโรป องค์การนิรโทษกรรมสากล และนางนาวี พิลไลย ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้แสดงความตกตะลึงเมื่อช่วงต้นปีนี้ หลังรับทราบจำนวนตัวเลขนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในอิรัก พร้อมกับกล่าววิจารณ์การขาดแคลนความโปร่งใส ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาล และเรียกร้องให้รัฐบาลอิรักยกเลิกโทษประหารชีวิตในทันที.
ที่มา เดลินิวส์ 

ยิวสอย 'โดรน' ลึกลับรุกน่านฟ้า




อิสราเอลยิงสอย "โดรน" ร่วง ฐานรุกล้ำน่านฟ้าของประเทศ ยังไม่ทราบเป็นฝีมือใคร แต่คาดว่าไม่พ้นกลุ่ม "ฮิซบอลเลาะห์"...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 7 ต.ค. ว่า กองทัพอากาศอิสราเอล ยิงสอย "โดรน" อากาศยานไร้พลขับไม่ทราบสังกัดร่วง เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ค.ต.) เวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หลังจากพบรุกล้ำน่านฟ้าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ทั้งนี้ ทหารอิสราเอลกำลังส่งกองกำลังลงพื้นที่ทะเลทรายทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งคาดว่าอากาศยานตกลงมา เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป ขณะที่สถานีวิทยุทหารระบุว่า อากาศยานที่รุกล้ำน่านฟ้าไม่ได้บรรทุกวัตถุที่ก่อให้เกิดการระเบิดแต่อย่างใด 

เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวถือว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เบื้องต้นแม้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ส่งโดรนรุกล้ำเข้ามา แต่คาดว่าเป็นฝีมือของกองกำลังหัวรุนแรง ฮิซบอลเลาะห์.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์